ชาญพงค์ ตังคณะกุล ผู้อำนวยการศูนย์สมองและระบบประสาท รพ. กรุงเทพ เสริมว่า จากประสบการณ์ดูแลคนไข้เรื่องสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ถ้า "ความดันโลหิตสูง"... ก็จำเป็นต้องดูแลรักษาความดันให้เหมาะสม และถ้ามีความอ้วนก็เป็นความเสี่ยงอันหนึ่ง ต้องออกกำลังกาย ลดน้ำหนักไม่ให้อ้วนจนเกินไป ที่สำคัญ "บุหรี่" ก็มีความเสี่ยงทำให้หลอดเลือดตีบได้ ไม่ว่า... หลอดเลือดหัวใจ... หลอดเลือดสมอง ต้องงดบุหรี่ ประการที่สี่เป็นเรื่องของกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่เป็นจังหวะ เป็นชื่อเรียกทางการแพทย์... สังเกตตัวเองถ้าใจสั่นก็ต้องไปพบแพทย์ ตรวจเช็กว่ามีความเสี่ยงตรงไหนไหม?
ชีพจร ( Pulse) ชีพจร หมายถึง คลื่นของเลือดภายในหลอดเลือดแดงภายในหลอดเลือดแดงที่มากระทบกับผนังของหลอดเลือดเกิดจากหัวใจห้องล่างบีบตัว สามารถใช้นิ้วมือคลำบริเวณหลอดเลือดแดงที่อยู่ส่วนผิวตื้นและทอดผ่านตามยาวของกระดูกและเนื้อเยื่อที่ค่อนข้างแข็งแรง การขยายตัวของหลอดเลือดรวมกันจะเท่ากับการเต้นของชีพจร 1 ครั้ง หรือ เท่ากันการเต้นของหัวใจ 1 ครั้ง การเต้นของชีพจรจะเท่ากับการทำงานของหัวใจ ความดันโลหิต หรือปริมาณเลือดในร่างกายซึ่งจะมีความสัมพันธ์กันทั้งระบบ เช่น การบีบตัวของหัวใจแต่ละครั้งจะมีเลือดออกมาประมาณ 60-70 ลบ. ซม. ( Stroke Volume หรือ SV) ในขณะที่แรงดันของเลือดมีค่าประมาณ 120 มิลลิเมตรปรอท ปริมาณเลือดที่หัวใจบีบตัวแต่ละครั้ง ทำให้คลำชีพจรได้อย่างชัดเจน แต่ถ้ามีปริมาณเลือดออกมาน้อยชีพจรจะเบากว่าปกติ นอกจากนี้ปริมาณเลือดในร่างกายมีผลต่อชีพจรด้วย ถ้ามีการเสียเลือดไป ความดันโลหิตจะต่ำลง ชีพจรคลำได้เบา ไม่ชัดเจน 1) ตำแหน่งของหลอดเลือดที่ใช้ในการคลำชีพจร 1. 1) Temporal Artery ที่บริเวณขมับ 1. 2) External Carotid Artery บริเวณข้างคอ 1. 3) Internal Maxillary Artery บริเวณหน้าติ่งหู 1. 4) Facial Artery บริเวณมุมขากรรไกรล่าง 1.
5) Brachial Artery บริเวณข้อพับด้านใน 1. 6) Radial Artery บริเวณข้อมือด้านนิ้วหัวแม่มือ เป็นตำแหน่งที่นิยมจับชีพจร 1. 7) Femoral Artery บริเวณขาหนีบตรงกลาง 1. 8) Popliteal Artery บริเวณข้อพับใต้หัวเข่า ถ้างอเข่าจะสามารถคลำได้ง่ายอยู่ตรงกลางๆข้อพับเข่า 1. 9) Dorsalis Pedis Artery บริเวณหลังเท้าระหว่างนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ 1. 10)Posterior Tibialis Artery บริเวณด้านหลังของตาตุ่มด้านใน 2) การนับชีพจร ในการตรวจ นับชีพจร ควรจะสังเกตสิ่งต่อไปนี้ 2.
6 องศาเซลเซียส ชีพจรจะเต้นเร็วประมาณ 7-10 ครั้ง/นาที และในทางตรงข้ามถ้าอุณหภูมิของร่างกายลดลง ชีพจรจะเต้นช้าลง ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลงมาก หัวใจจะหยุดทำงานได้ - ท่าทาง เมื่ออยู่ในท่ายืน ชีพจรจะเร็วกว่าเมื่ออยู่ในท่านั่งหรือท่านอนทั้งนี้ เพราะหัวใจต้องบีบตัวให้เร็วขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย - ภาวการณ์เจ็บป่วย เมื่อร่างกายมีภาวะผิดปกติเช่น การเสียเลือด โรคของต่อมไทรอยด์ โรคของต่อมหมวกไต และอื่นๆ ก็จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของชีพจรหรือการเต้นของหัวใจเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างเพียงพอ 2. 2) จังหวะการเต้นของชีพจร โดยปกติชีพจรจะเต้นเป็นจังหวะ มีช่วงพักระหว่างจังหวะแต่ละช่วงพักห่างเท่าๆกัน ใช้เวลาเท่ากัน เรียกว่า ชีพจรสม่ำเสมอ ในการตรวจนับชีพจรควรนับเต็ม 1 นาที 2.