สมุทรปราการ และเชื่อมต่อไปสิ้นสุดที่ จ. ชลบุรี เนื่องจากเป็นเส้นทางแม่น้ำอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น โรจนะ นวนคร ไฮเทค บางกะดี เป็นต้น โดยมีระยะห่างไม่เกิน 15 กิโลเมตร ทำให้มีความต้องการขนส่งสินค้าเพื่อนำเข้าและส่งออกสูง โดยสินค้าที่คาดว่าจะมีการขนส่งโดยวิธีการบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ ได้แก่ ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป เป็นต้น ซึ่งประเมินว่าค่าขนส่งสินค้าโดยตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต (twenty-foot equivalent unit: TEU) ทางเรือมีค่าราว 2, 500 บาท ขณะที่ค่าขนส่งทางถนนมีค่าราว 7, 000 บาท ส่วนเส้นทางการขนส่งสินค้าชายฝั่งทะเลที่มีแนวโน้มเติบโตคือ เส้นทางระหว่างท่าเรือบริเวณกรุงเทพฯ และ จ.
ลาว)-ลาวบาว-ดองฮา-เว้-ดานัง (เวียดนาม) และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจรระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เริ่มเดินรถเมื่อปี 2555 มีโควตาจำนวนใบอนุญาตขนส่งทางถนน (Permit) ประเทศละ 150 ฉบับ ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-กบินทร์บุรี-สระแก้ว-อรัญประเทศ หรือ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-พนมสารคาม-กบินทร์บุรี-สระแก้ว-อรัญประเทศ (ไทย)-ปอยเปต-ศรีโสภณ-เปอสาต-พนมเปญ-นากหลวง-บาเวต (กัมพูชา).
ผู้เขียน: ปุญญภพ ตันติปิฎก Highlight การขนส่งทางน้ำมีความได้เปรียบกว่าการขนส่งในรูปแบบอื่นๆ ในหลายด้าน เช่น ต้นทุนค่าขนส่ง น้ำหนักและปริมาณการบรรทุกสินค้า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน การขนส่งสินค้าทางน้ำภายในประเทศมีสัดส่วนเพียง 17% จากปริมาณการขนส่งสินค้าภายในประเทศทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 1) การขนส่งทางแม่น้ำ ซึ่งมีเส้นทางหลักคือระหว่างแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ จ. อยุธยา ไปยัง จ. ชลบุรี และ 2) การขนส่งทางชายฝั่งทะเล ซึ่งมีเส้นทางหลักคือระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือในกรุงเทพฯ, และท่าเรือใน จ.
5 ต่อปี ทางรถไฟร้อยละ 2. 9 ส่วน ทางชายฝั่งทะเลร้อยละ 19. 2 ทางอากาศร้อยละ 18.
สมัครสมาชิก * สิทธิ์ประโยชน์ต่างๆ จากการเป็นสมาชิก 1. สามารถแสดงความคิดเห็น (เฉพาะข่าวสารที่กรมขนส่งเปิดให้ แสดงความคิดเห็นเท่านั้น) 2. สามารถใช้งานฟอรั่ม ได้เต็มรูปแบบ (สามารถสร้างกระทู้ และแสดงความคิดเห็นได้) 3. สามารถติดตามกลุ่มข่าวสารที่ติดตามได้ ถ้าคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณา กรอกอีเมล์แอดเดรส เพื่อเข้าใช้งานและสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆ จากการเป็นสมาชิก
ต้นทุนค่อนข้างต่ำ สามารถขนส่งสินค้าได้ทีละมากๆ 2. ขนส่งได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศ 3. สะดวก เพราะมีตู้หลายชนิดให้เลือกเพื่อความเหมาะสมกับสินค้าและมีความปลอดภัยสูง 1. ใช้ระยะเวลานานต้องมีการขนถ่ายซ้ำ เพราะต้องมีการขนส่งจากสถานีรถไฟไปยังจุดปลายทาง 2. ต้นทุนบรรจุภัณฑ์สูงเพราะว่าระวางสินค้าจำเป็นต้องทนแรงกระแทกสูง 3. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) เป็นการขนส่งที่ได้รับการนิยมเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกที่สุดสามารถขนส่งสินค้าได้คราวละมากๆ การขนส่งทางน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การขนส่งทางทะเลจัดเป็นประเภทการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำที่สุด โดยประเทศไทยมีการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกโดยใช้การขนส่งทางทะเลมากขึ้นทุกปี การขนส่งทางน้ำนี้เหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่และขนส่งสินค้าได้ปริมาณมาก 1. อัตราค่าขนส่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอื่น 2. ขนส่งสินค้าได้ขนาดใหญ่และปริมาณที่มาก 3. สามารถส่งได้ระยะไกล ๆ 1. มีความล่าช้าในการขนส่งตามสภาพอากาศ 2. ในฤดูน้ำลดหรือฤดูร้อน น้ำอาจมีน้อย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง เพราะเรือเกยตื้นได้ 3. ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนในการขนส่งได้ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และ ภูมิประเทศ 4.
อยุธยา และ จ. อ่างทอง กับเกาะสีชัง จ. ชลบุรี มีปริมาณขนส่งสินค้าในปี 2016 ราว 50 ล้านตัน ซึ่งมีการเติบโต 1. 5%CAGR ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีสินค้าหลัก ได้แก่ ดินหินทราย ถ่านหิน ปูนซีเมนต์ มันสำปะหลัง และข้าว 2) การขนส่งทางชายฝั่งทะเล (coastal transport) มีเส้นทางหลักคือระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด กับท่าเรือในกรุงเทพและสมุทรปราการ และกับท่าเรือสุราษฎร์ธานีและสงขลา มีปริมาณการขนส่งสินค้าในปี 2016 ราว 51 ล้านตัน ซึ่งมีการเติบโต 3. 6%CAGR ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีสินค้าหลัก ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม และตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้ การขนส่งทางน้ำมีต้นทุนเพียง 0. 65 บาทต่อตัน-กิโลเมตร เมื่อเทียบกับการขนส่งทางถนนซึ่งมีต้นทุนอยู่ที่ 2.
บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ไปยังปลายทางทั่วโลก เหมาะสำหรับการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็วและมีน้ำหนักเบา การคิดอัตราค่าขนส่งจะคิดตามน้ำหนักของสินค้าต่อกิโลกรัม ส่วนใหญ่แล้วจะขนส่งที่น้ำหนักประมาณ 100-300 กิโลกรัม หรือประมาณ 1-2 ลูกบาศก์เมตร สูตรการคิดอัตราค่าขนส่งสินค้าทางอากาศ กว้าง x ยาว x สูง (เซนติเมตร) หาร 6000 --> น้ำหนักที่ได้เรียกว่า Volume Weight Volume Weight จะใช้เมื่อสินค้ามีขนาดใหญ่และเมื่อคำนวนแล้วมีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักจริงของสินค้า (Actual Weight) จะใช้น้ำหนักที่มากกว่าในการคำนวนค่าขนส่ง